วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2553

เห็ดหลินจือ King of Herb

เห็ดหลินจือ เป็น King of Herb ช่วยป้องกันและรักษาโรคครอบจักรวาล แต่จะสำแดงฤทธิ์เดชมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่า "เกาถูกที่คัน" หรือไม่

เห็ดหลินจือ ประกอบไปด้วยชื่อเสียงเรียงนามนับสิบ ไม่ว่าจะเป็น เห็ดหลินจือแดง เห็ดศักดิ์สิทธิ์ หญ้าเก้ากิ่ง ชื่อจือ เรซิ มันเนนตาเกะ และเห็ดหมื่นปี เป็นต้น แต่ชาวตะวันตกจะเรียกด้วยชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "กาโนเดอร์มา ลูซิดัม" (Ganoderma lucidum)

มันมีสารออกฤทธิ์มากกว่า 150 ชนิดที่สำคัญ ได้แก่ ไตรเตอร์พีนอยด์ชนิดขม ช่วยขัดขวางการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ป้องกันไขมันอุดตันเส้นเลือด และยับยั้งสารพิษในตับ,พอลิแซกคาไรด์ตัวสำคัญอย่างเเบตา-ดี-กลูแคน ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันธรรมชาติของร่างกาย, ออร์กานิกเยอร์มาเนียม ช่วยปรับประจุไฟฟ้าในร่างกาย, ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเตส เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงกาโนโดสเตอโรน, อะดรีโนไซด์เยอร์มาเนียม, กรดอะมิโน และเกลือแร่ต่างๆ ด้วย

เมื่อคุณสมบัติพิเศษของเห็ด คือโครงสร้างและสารประกอบภายในที่สามารถปรับตัวและป้องกันตัวเองได้ในทุกสภาวะแวดล้อมฉันใด ชื่อสารอ่านยากเหล่านี้ ล้วนส่งผลด้านบำรุงร่างกาย บรรเทาอาการ และเป็นเครื่องมือเสริมการรักษาโรคได้ยอดเยี่ยมฉันนั้น

นายแพทย์สุรพล รักปทุม ผู้ค้นคว้าเรื่องราวของเห็ดหลินจือมายาวนาน อธิบายว่า การบำรุงร่างกายด้วยเห็ดหลินจือออกฤทธิ์เสริมสร้างแตกต่างกันไปในแต่ละวัย

วัยเด็กและวัยหนุ่มสาว เห็ดหลินจือช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต และพัฒนาการ บำรุงกำลังและเสริมความแข็งแรง เสริมภูมิต้านทานโรค บำรุงสมองและสติปัญญา

พอก้าวสู่วัยทำงานและกลางคน เจ้าเห็ดมหัศจรรย์ เหมาะใช้เพื่อความงามของผิวพรรณ ลดรอยด่างดำ คงความอ่อนวัย และบำรุงอวัยวะภายใน ทั้ง ปอด ตับไต รวมทั้งเพิ่มสมรรถภาพของระบบต่างๆ

แต่เห็ดหลินจือกลับเป็นที่นิยมในหมู่ผู้สูงอายุมากที่สุด เพราะมันช่วยชะลอความแก่ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความจำเสื่อม เพิ่มออกซิเจนในเลือดกระตุ้นการไหลเวียนเลือด บำรุงหัวใจ ต่อต้านสารพิษ และกำลังเพิ่มความฮอตมากขึ้น เพราะนำมาต่อต้านมะเร็ง

ฆาตกรฆ่ามะเร็งอย่างเห็ดหลินจือ มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค และกำจัดเซลล์มะเร็งได้ พวกมันมีวิธีหาอาหารโดยสร้างเอ็มไซม์ ออกไปย่อยสลายสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตภายนอก ซึ่งอาจเป็นวิธีการเดียวกับที่ใช้ย่อยสลายเชื้อโรคและเซลล์มะเร็งด้วย

สำหรับผู้มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร วิงเวียน นอนไม่หลับ มือเท้าเย็น ไอ หอบหืด อักเสบ มีการเจ็บปวดหรืออาการทางจิตประสาท การบริโภคเห็ดหลินจือก็สามารถช่วยได้เช่นกัน

นอกจากนั้นยังใช้รักษาร่วมกับผู้ป่วยได้หลายโรค อาทิ โรคมะเร็งที่ใช้เคมีบำบัด และการฉายรังสี เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง โรคภูมิแพ้ การติดเชื้อไวรัส โรคเอดส์ โรคทางสมองทั้งหลาย โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง-ต่ำ โรคตับ โรคไต รูมาตอยด์ โรคเอสแอลดี และผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นต้น

เมื่อมีประโยชน์ ก็มีโทษได้ หากบริโภคไม่ถูกวิธี

หากเราใช้เห็ดที่บริสุทธิ์และมีคุณภาพดีแล้ว มันไม่มีโทษแต่ประการใด สามารถใช้ได้ต่อเนื่องตลอดไป ครั้งแรกนั้น คุณหมอสุรพลแนะนำให้เริ่มจากปริมาณน้อย แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นทุก 3 วัน ที่น่าสนใจคือ สามารถใช้เห็ดหลินจือเพียงชนิดเดียว หรือหลายชนิดร่วมกันก็ได้ ตลอดจนไม่มีฤทธิ์ตีกับยาที่รับประทานอยู่ หรือการรักษาอย่างอื่นก็ได้

แม้จะมีไม่โทษ แต่มีผลข้างเคียงสำหรับบางคน นอกจากเด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยมะเร็งและผู้ป่วยหนัก รวมทั้งผู้มีประวัติแพ้ยาจะต้องปรึกษาแพทย์ตามธรรมเนียมแล้ว ในระยะแรก คนปกติก็อาจมีอาการท้องเสีย คอแห้ง หรือมีผื่นคัน แต่ก็มักจะหายได้เองภายใน 2-7 วัน แต่ถ้ายังมีอาการข้างเคียงดังกล่าวอยู่ แนะนำให้หยุดใช้ไปก่อนหนึ่งสัปดาห์ แล้วลองเริ่มต้นใหม่

เห็ดหลินจือที่นำมาบริโภคจะให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ก็ต่อเมื่อคนปกติทั่วไปใช้ดอกเห็ดอบแห้ง ชงเป็นชา เพื่อดื่มเป็นประจำ ถ้าต้องการต้มเป็นยา ต้องดื่มให้หมดวันละ 1-3 เวลา และจะดื่มเวลาใดก็ได้

ถ้าจะนำมาดองเหล้า จะใช้ดอกเห็ดอบแห้งดองกับเหล้าขาวหรือเหล้าเหลือง ชนิด 40 ดีกรี ปริมาณ 100-150 ซีซี ทิ้งไว้ 15 วัน แล้วค่อยนำมาดื่มครั้งละ 10 ซีซี หรือ 2 ช้อนชา วันละ 1-3 เวลา ก่อนหรือหลังอาหารก็ไม่ต่างกัน

นอกจากนั้น ยังมีผู้ผลิตเป็นแคปซูล โดยนำส่วนผสมของดอกเห็ด เส้นใย หรือราก และผงสปอร์ รวมอยู่ในเม็ด ซึ่งปริมาณขึ้นอยู่กับอายุของผู้ใช้ หากเป็นเด็ก ใช้ 1-2 แคปซูลก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับผู้ป่วย ควรใช้ ครั้งละ 3 แคปซูล วันละ 2 เวลาจะดีที่สุด

อีกทั้งชนิดผงสปอร์บริสุทธิ์ ที่จะออกฤทธิ์มากกว่าแบบแคปซูล ก็จะนำมาผสมน้ำอุ่นในปริมาณ 1 กรัม หรือไม่เกิน 3 กรัมสำหรับผู้ป่วย ที่เด็ดไปกว่านั้น มันยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว อาจผสมในน้ำผึ้ง น้ำผลไม้ เครื่องดื่ม และอาหารคาวหวานได้ง่ายๆ

ข้อมูลจาก : กรุงเทพธุรกิจ

วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

เห็ดหลินจือ วิธีบริโภคเห็ดหลินจือ

เห็ดหลินจือนิยมมาบริโภคเพื่อบำรุงร่างกายเป็นยาอายุวัฒนะ ป้องกันและรักษาโรค ในปัจจุบันการบริโภคเห็ดหลินจือทำได้หลายวิธี (เรียงตามปริมาณสารที่ได้จากเห็ดหลินจือ จากน้อยไปมาก)

เห็ดหลินจือมาบดแห้ง บรรจุแคปซูลเหมือนสมุนไพรทั่วๆไป

วิธีนี้ต้นทุนต่ำ ง่ายและราคาถูก แต่ได้สารสำคัญจากเห็ดหลินจือน้อยมาก เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยสกัดเอาสารที่สำคัญดูดเข้าไปใช้ในร่างกายได้ รับประทานมากจะเกิดอาการท้องอืด เพราะเห็ดหลินจือ มีลักษณะแข็งคล้ายเนื้อไม้ ย่อยยาก ไม่เหมือนสมุนไพรทั่วๆไป (ไม่แนะนำใช้ใช้วิธีนี้)

นำเห็ดหลินจือที่ฝานเป็นชิ้นมาต้มกับน้ำ แล้วใช้เฉพาะน้ำเห็ดหลินจือดื่ม

วิธีนี้ต้นทุนต่ำ ราคาถูก ได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือประมาณ 30 % เนื่องจากเห็ดหลินจือประกอบด้วยสารที่สามารถละลายในน้ำได้ 30 % ถึงแม้วิธีนี้จะได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือไม่ครบแต่ก็มากกว่าวิธีแรก โดยจะต้องนำเห็ดหลินจือที่ฝานเป็นชิ้น มาสับเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วมาต้มกับน้ำด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง เอาเฉพาะน้ำเห็ดหลินจือมาดื่ม แต่ต้องดื่มในปริมาณที่มากๆ หน่อย

นำเห็ดหลินจือมาสกัด โดยใช้เทคโนโลยีในการสกัดร้อน หรือสกัดเย็น บรรจุรูปแบบแคปซูล

วิธีนี้ถึงแม้ต้นทุนจะสูง ราคาแพงแต่ได้ปริมาณสารสำคัญในเห็ดหลินจือที่มีประโยชน์ครบถ้วนมากที่สุดและสะดวกในการบริโภค เหมาะกับการใช้บำรุงร่างกาย ป้องกันและรักษาโรค


แต่ละวิธีจะได้ปริมาณสารสำคัญในเห็ดหลินจือไม่เท่ากัน แนะนำให้บริโภคเห็ดหลินจือที่ได้จากการสกัดโดยใช้เทคโนโลยีการสกัด เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือมากที่สุด เพราะ เห็ดหลินจือประกอบด้วยสารที่สามารถละลายในน้ำได้ 30 ส่วนเท่านั้น ไม่ว่าจะต้มนานเท่าไรก็ตาม ดังนั้นในการบริโภคเห็ดหลินจือด้วยวิธีต้มจะได้รับประโยชน์เพียง 30%

ข้อแนะนำในการบริโภคเห็ดหลินจือ

  • ควรบริโภคเห็ดหลินจือก่อนอาหารอย่างน้อย 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง แต่สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะให้รับประทานเห็ดหลินจือหลังอาหาร 2 ชั่วโมงแทน เนื่องจาก
    ควรรับประทานขณะท้องว่าง เพื่อประสิทธิภาพในการดูดซึม

  • ในสัปดาห์ 2 สัปดาห์แรกที่เริ่มรับประทานเห็ดหลินจือ ให้รับประทานในปริมาณน้อยก่อนเพื่อให้ร่างกายเกิดการปรับตัว

  • ควรบริโภควิตามินซีร่วมด้วยเนื่องจากสารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) ในเห็ดหลินจือ มีโครงสร้างที่สับซ้อนบางท่านอาจจะย่อยยากจึงควรรับประทานวิตามินซี หรืออาหารที่มีวิตามินซีสูงร่วมด้วย เพื่อช่วยในการดูซึมสารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) เข้าสู่ร่างกาย
การเลือกซื้อเห็ดหลินจือ
ควรเลือกยี้ห้อที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ ดูจาก
  1. มีฟาร์มปลูกเห็ดหลินจือ
  2. มีโรงงานผลิตและบรรจุเห็ดหลินจือ
  3. ได้คุณภาพมาตรฐาน
  4. มีการรับประกันสินค้า

วิธีการทดสอบเห็ดหลินจือแดงสกัด

ในการทดสอบเห็ดหลินจือควรทดสอบโดยใช้น้ำที่อุณหภูมิปกติ ไม่ใช่น้ำร้อน เพื่อรักษาคงคุณภาพของสปอร์เห็ดหลินจือ เพราะสปอร์เห็ดหลินจือเมื่อผ่านความร้อนคุณค่าจะลดลง

ทดสอบดอกเห็ดหลินจือแดง
ให้ถอดแคปซูลออกเทเอาเฉพาะตัวยาเห็ดหลินจือลงในแก้วน้ำ เทน้ำตามลงเล็กน้อย คนให้ละลาย จะสังเกตได้ว่า

กรณีที่เป็นดอกเห็ดหลินจือแดงผสมสปอร์
ถ้าเป็นดอกเห็ดหลินจือแดงสกัดจะต้องละลายน้ำได้ง่าย เมื่อละลายกับน้ำแล้วจะมีสีน้ำตาลแดง และมีสปอร์แขวนลอยอยู่ และจะต้องไม่มีขี้เลื่อยหรือเศษไม้บน สปอร์เห็ดหลินจือที่แตกตัวแล้วจะไม่ละลายน้ำ จะแขวนลอยอยู่ มีลักษณะคล้ายผงสีน้ำตาลแดงเข้ม รสข่มเฝื่อนๆ เห็ดหลินจือแดงที่ผสมสปอร์จะให้คุณค่าทางยาสูงมาก

แต่ถ้านำดอกเห็ดหลินจือแดงสกัดละลายน้ำแล้ว ละลายน้ำง่ายและมีสีน้ำตาลแดง รสข่มเฝื่อนๆ แต่ไม่มีสปอร์แขวนลอยอยู่ แสดงว่าเป็นเห็ดหลินจือสกัดเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ผสมสปอร์เลย กรณีนี้ก็ให้คุณค่าทางยามากเหมือนกันแต่สู้กรณีแรกไม่ได้

แต่ถ้าเห็ดหลินจือละลายยากและมีขี้เลื่อยหรือเศษไม้ แสดงว่าเป็นเห็ดหลินจือบดธรรมดาไม่ใช่เห็ดหลินจือสกัด กรณีนี้ให้คุณค่าทางยาน้อยมาก เพราะร่างกายดูดซึมไม่ได้


วิธีบริโภคเห็ดหลินจือ
เวลาที่บริโภคเห็ดหลินจือ (สำหรับเห็ดหลินจือสกัด 100% ไม่ผสมสมุนไพรตัวอื่น) ควรจะเป็นเวลาที่ท้องว่าง เพื่อให้ร่างการดูดซีมเห็ดหลินจือได้ดี เห็ดหลินจือไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหารจึงสามารถทานก่อนอาหารได้ ยกเว้น กรณีที่นำเห็ดหลินจือไปผสมกับสมุนไพรตัวอื่นที่ระคายเคืองกระเพาะถึงจะทานหลังอาหาร
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทานเห็ดหลินจือ คือ ช่วงตื่นนอนตอนเช้า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ท้องว่างที่สุด และร่างกายได้ออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหว ร่างกายจะสูบฉีดเลือดได้ดี อีกช่วงเวลาหนึ่งที่คนนิยมทานเห็ดหลินจือ คือช่วงเวลาก่อนนอน ซึ่งควรจะทานเห็ดหลินหลินจือก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมง มิใช่ทานเห็ดหลินจือแล้วเข้านอนเลย เหตุผลที่ให้ทานก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมงก็เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาสูบฉีดเห็ดหลินจือไปตามส่วนของร่างกายก่อน เนื่องจากในขณะที่คนเรานอนหลับหัวใจสูบฉีดเลือดไม่ดีเท่าตอนที่เราตื่นนั่นเอง

ปริมาณในการทานเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรที่บำรุงตับ หัวใจและไต ตลอดจนสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย จัดเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับบำรุงร่างกาย และปลอดภัยในการทางระยะยาว ส่วนปริมาณการทานนั้นขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและวัตถุประสงค์ แนะนำการทานอย่างคร่าวๆ ดังนี้


  • กรณีที่ใช้เห็ดหลินจือบำรุงร่างกาย ทาน 1-2 แคปซูล ต่อวัน
  • กรณีที่ใช้เห็ดหลินจือป้องกันโรค ทาน 3-4 แคปซูล ต่อวัน แบ่งทาน 2 ช่วงเวลา
  • กรณีที่รักษาโรคที่ไม่ร้ายแรง ทาน 4-6 แคปซูล ต่อวัน แบ่งทาน 2 ช่วงเวลา
  • กรณีที่รักษาโรคร้ายแรง ทาน 12 - 16 แคปซูล ต่อวัน แบ่งทาน 3 ช่วงเวลา